วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หอไอเฟลสัญลักษณ์แห่งเมืองปารีส


นำข้อมูลมาจาก http://www.thai.net/vibooncom ครับ
      ตลอดหลายยุคสมัย ผู้คนได้ท้ายทายข้อจำกัดทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม เพื่อความพยายามที่จะได้ใกล้คิดกับพระเจ้ามากขึ้น มีบางกลุ่มพยายามหาประโยชน์ใช้สอยจากหอคอยในการทำเสาอากาศ ภัตตาคาร แต่สิ่งดึงดูดใจที่แท้จริงกลับมาจากความคิดที่บริสุทธิ์มากกว่านั้น
        หอคอยเป็นสิ่งที่แสดงถึงความทะเยอทยานของมนุษย์ และหอคอยที่โลกรักมากที่สุดคือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นหอคอยที่มีความสูงเสียดฟ้า มีความงามสง่า รูปร่างอ่อนช้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นจิตวิญญาณของฝรั่งเศส หอไอเฟลได้รับการออกแบบและก่อสร้างในปี ค.ศ.1839 มันคือผลงานชิ้นเอกในการ -ฉลองการปฏิวัติฝรั่งเศสอันนอเลือดเมื่อ 100 ปีก่อนหน้า
        14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 ท่ามกลางความต้องการที่จะปฏิวัติ ชาวปารีสได้เข้าโจมตีชนชั้นสูง บุกยึกคุกบัสติล ซึ่งมีผู้มีความคิดขัดแยงทางการเมืองถูกคุมขังเอาไว้ ผู้รัก-ชาติได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านชนชั้นปกครอง ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยยุคใหม่
        อีก 1 ศตวรรษหลังการปฏิวัติ ความภาคภูมิใจของฝรั่งเศสถูกบั่นทอนด้วย ความพ่ายแพ้ของกองทัพต่อเยอรมัน ในปี 1870 และก็ ความคิดที่จะจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ จึงเป็นหนทางอันยิ่งใหญ่เพื่อลืมความปวดร้าว และ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ ความร่ำรวยของประเทศ จึงจำเป็นที่ต้องมีผลงานศิลปะชิ้นเอกที่อวดแก่ฝูงชน และจากความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมจึงนำเสนอความสำเร็จทางวิศวกรรม นั่นคือ หอคอย
        หอคอยเหมือนเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดทางเทคโนโลยี ในอดีตไม่เคยมีใครสร้างหอคอยที่สูงกว่า 1,000 ฟุต หลายคนพยายามลอง แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาก็มีการออกแบบไว้อยู่หลายแบบ แต่ก็ไม่เคยสร้างจริงขึ้นมา ฝรั่งเศสได้จัดการประกวดเพื่อออกแบบหอคอย แบบแรกถูกเสนอโดย เวอร์ริส คล็อกลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะวิศวกรของ กุสตาฟ ไอ-เฟล (Gustave Eiffel)
        กุสตาฟ ไอเฟล เป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ชื่อเสียงของเขาเกิดจาก การออกแบบสะพานที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เขาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบด้วยโครงสร้างโลหะ การที่มี กุสตาฟ ไอเฟล เข้ามาร่วมงาน จึงเป็นเครื่องรับประกันในเรื่องเงินทุนสนับสนุน และความสำเร็จของงาน วิศวกรหนุ่มของ กุสตาฟ ไอเฟล 2 คน คือ เวอร์ริส คล็อกลิน และ เอมิล นูลจิเย เริ่มแนวคิดในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร สำหรับงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1890 ในปารีสเขาเริ่มร่างแบบโครงสร้างของหอ-
คอยอย่างคร่าวๆ และขอให้สถาปนิกชื่อ สตีเฟน สเตาว์เธอร์ ออกแบบส่วนตกแต่งเพื่อเติม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อดอกไม้ โค้ง และมีปติมากรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดทางสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1887 ว่า สามารถสัมผัสกับท้องฟ้าในระดับที่เป็นไปไม่ได้ คือ 1,000 ฟุต
        กุสตาฟ ไอเฟล ได้เห็นแบบแปลนและอนุมัติ เขาได้สนใจแนวคิดเกี่ยวกับหอคอยนี้ และได้ออกแบบส่วนตกแต่งเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเข้าไปด้วย การมีชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล อยู่ในโครงการ ทุกคนรู้ผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ การมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองและสังคมของกุสตาฟ ไอเฟล ทำให้มีความพร้อมที่จะผลักดันให้โครงการผ่านหน่วยงานปกครองของปารีสได้อย่างรวดเร็ว และทำให้โครงการจากแบบแปลนสำเร็จเป็นจริงได้ หอคอยซึ่งออกแบบจากความก้าวหน้าในยุคอุตสาหกรรม เป็น งานที่มีความท้าทาทางวิศวกรรม และ กุสตาฟ ไอเฟล จะได้แสดงให้เห็นถึงความความคิดสร้างสรรค์ของเขาที่เคยใช้ในการออกแบบมาแล้ว
        28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1887 กุสตาฟ ไอเฟล ได้เชิญแขกมากมายมาเป็นพยานในการก่อสร้าง เขาอายุ 53 ปี และหอคอยจะเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบของเขา ในขณะที่พิธีการเริ่มขึ้น วิศวกร 50 คนต้องช่วยกันร่างแบบ จำนวน 5,300 แผ่นสำหรับคนงาน 132 คน ใช้ในพื้นที่ก่อสร้าง ต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการทำฐานรากสำหรับขาของหอ-
คอย เสา 2 ต้น ถูกติดตั้งบนฐานคอนกรีตหนา 6 ฟุตครึ่ง ที่ความลึก 23 ฟุตจากระดับดิน และมีขา 2 ข้างที่ใกล้กับแม่น้ำแซนมาก จึงต้องใช้เขื่อนโลหะกันน้ำ ป้องกันในขณะที่ทำการเทคอนกรีตบนพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ

หมุด 2 ล้าน 5 แสนตัว ที่ใช้ยึดโครงเหล็กของหอไอเฟล

ตำนาน "หอไอเฟล"

ตำนาน "หอไอเฟล"    




และกว่าจะมาเป็น หอไอเฟล ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก Eiffel Tower   

หอไอเฟล (อังกฤษ: Eiffel Tower, ฝรั่งเศส: Tour Eiffel) หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) โดย กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ แรกๆที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ.2432-2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครสเลอร์ สูง 319 เมตร(1046 พุต)  น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น









ข้อมูลจาก Website: http://variety.teenee.com/world/33185.html

นครปารีส

      ปารีส (ฝรั่งเศสParis /paˈʁi/ ปารี) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน เขตเมืองปารีส (Unité urbaine) ซึ่งมีพื้นที่ขยายเกินขอบเขตอำนาจการปกครองของเมืองนั้น มีประชากรกว่า 9.93 ล้านคน (พ.ศ. 2547)  ในขณะที่เขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป
      จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548 กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัทจากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500 (Fortune Global 500) อีกด้วย โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เดฟองซ์ ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี[10] กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอนโตเกียว และ นิวยอร์ก

เที่ยวกรุงปารีส สัมผัสมหานครแห่งสีสันบนหอไอเฟล

การท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส (France) หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic) คืออีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ที่ประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษ และทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีกรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศ 





มหานครปารีส 

     การท่องเที่ยวปารีส หรือ มหานครปารีส (Paris) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของทวีปยุโรป จนมีคำกล่าวที่ว่าถ้าจะไปเที่ยวฝรั่งเศสก็ต้อง ไปปารีสนั่นเอง กรุงปารีส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Ile de France) แคว้นที่ตั้งอยู่บริเวณกลาง ประเทศเยื้องไปทางทางทิศเหนือ 

ครบรส...หลากอารมณ์ กับมหานครปารีส ฝรั่งเศส - ปารีส

ครบรส...หลากอารมณ์ กับมหานครปารีส ฝรั่งเศส - ปารีส 

5 วัน 4 คืน งบประมาณ 73,000 บาทต่อคน
อลังการกับความตระการตาของ “มหานครปารีส” มหาอำนาจแห่งยุโรป 
เมืองหลวงแห่งศิลปะ แฟชั่น และอาหารชั้นสูง ซึมซับความงดงามของดินแดนที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก แล้วคุณจะตกหลุมรักปารีสโดยไม่รู้ตัว



ด้วยสายการบิน Air France เราก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่มหานครปารีสในเวลา 22.45 น.

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เพลงภาษาฝรั่งเศษเพราะๆ

Sous le vent 
Garou :Et si tu crois que j'ai eu peur
C'est faux
Je donne des vacances à mon cœur
Un peu de repos
Et si tu crois que j'ai eu tort
Attends
Respire un peu le souffle d'or
Qui me pousse en avant
Et...
Céline & Garou :
Fais comme si j'avais pris la mer
J'ai sorti la grand'voile
Et j'ai glissé sous le vent
Fais comme si je quittais la terre
J'ai trouvé mon étoile
Je l'ai suivie un instant
Sous le vent

ปารีส พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต

ปารีส เป็นเมืองที่ใหญ่และมีความสำคัญที่สุดของฝรั่งเศส แผ่นเลขทะเบียน (la plaque d’immatriculation ) และรหัสไปรษณีย์ ( lecode postal ) คือ 75 กรุงปารีสแบ่งเขตบริหารออกเป็น 20 เขต เขตบริหารนี้ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่าอารงดีสมองต(arrondissement) ความสำคัญและความสวยงามของกรุงปารีสเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ถึงกับมีคำเรียกปารีสว่า พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ( le musée vivant ) หรือนครแห่งความรุ่งโรจน์ ( la cité glorieuse ) คนที่อยู่ปารีสคงจะไม่ปฏิเสธว่าปารีสก็เหมือนเมืองใหญ่อื่นๆในโลก คือ เป็นนครที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ( la cité laborieuse ) มีคำกล่าวว่า คนที่อยู่ในปารีสนั้นชีวิตมีแต่ความซ้ำซากจำเจ ต้องใช้เวลามากมายในการเดินทางเพื่อไปทำงานเสร็จนั่งรถกลับบ้าน นอน เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกไปทำงานอีกชีวิตซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อหน่าย เป็นสโลแกนที่มีชื่อของBlaise CENDRAS (Métro Boulot Dodo)   


  



สองฝั่งแม่น้ำแซน
      กรุงปารีสมีแม่น้ำแซน ( la Seine) ไหลผ่านแม่น้ำแซนตรงกลางกรุงปารีสมีเกาะสองเกาะคือ I’île de la Cité และ I’île de la Saint
Louis แม่น้ำแซนแบ่งกรุงปารีสออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งขวาและฝั่งซ้าย ฝั่งขวาของแม่น้ำเป็นย่านเศรษฐกิจและการค้า ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนเป็นด้านที่เกี่ยวกับการศึกษาและการบริหาร เป็นย่านของนักศึกษา ศิลปิน
      I’île de la Cité ได้ชื่อว่าเป็น berceau de la capitale เพราะว่าปารีสเริ่มพัฒนาเป็นวงรอบเกาะกลางแม่น้ำแซนแห่งนี้สิ่งสวยงามและเก่าแก่ที่สุดนับได้ว่าเป็น monuments ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของกรุงปารีสที่อยู่ใน I’île de la Cité คือโบสถ์ Notre-Dame de Paris , la Conciergerie และ le Palais de Justice
      กรุงปารีสนับว่าเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์รวมแห่งประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในช่วง 20 ศตวรรษที่ผ่านมา คนฝรั่งเศสทุกสมัยพยามยามที่จะทำกรุงปารีสให้สวยงาม ปารีสที่ได้รับการดูแลตกแต่งมานานเกือบ 2000 ปี จึงสวยงามสมดังที่พระเจ้า Henri IV กล่าวว่า “Paris vaut bien une messe”

Paris, Je t’aime เมืองหลวงของความรัก


     เมื่อไม่กี่วันก่อนมีโอกาสไปเดินเล่นแถวสีลมยามค่ำคืน ซึ่งในค่ำวันนั้นเองที่มีโอกาสได้ซื้อดีวีดีติดไม้ติดมือกลับบ้านมาอยู่หลายแผ่น และหนึ่งในนั้นคือ Paris, Je t’aime หนังหลายต่อหลายเรื่องใช้เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้เป็นฉากหลัง แต่ไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนสามารถดึงเสน่ห์ของนครที่ชื่อมีความหมายว่า ชาวบ้านนอกหรือคนเถื่อน ออกมาได้มากมายเท่ากับเรื่องนี้
ถ้าเอ่ยชื่อของประเทศ ฝรั่งเศส หลายคนคงจะนึกถึง หอไอเฟล อีกมากอยากไปยืนมองดู ประตูชัย ที่งามงด และคงมีอีกไม่น้อยที่ฝันถึง ชายหาดริเวียร่า แต่จุดหมายปลายทางแรกซึ่งทุกคนที่ไปเยือนดินแดนแห่งน้ำหอมต้องสัมผัสก็คือ ปารีส เมืองหลวงที่ได้ชื่อว่ามีเสนห์มากที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมกับอาคารบ้านช่องสมัยใหม่ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ ร้านกาแฟข้างทางที่สุดแสนจะโรแมนติก ทำให้ที่แห่งนี้พิเศษกว่าที่ไหนๆ

ประวัติศาสตร์ปารีส

ประวัติศาสตร์ปารีส

ประวัติศาสตร์ปารีส
ประวัติศาสตร์ปารีส
กรุงปารีสก่อตั้งขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล โดยในขณะนั้นมีฐานะเป็นแคว้นอีล เดอ ลา ซิเต้ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของชนเผ่าเซลติคและรู้จักในนามปาริซี ในช่วง 52 ปีก่อนคริสตกาลเป็นช่วงที่ความขัดแย้งของชาวเซลติคและชาวโรมันสิ้นสุดลง จูเลียต ซีซาร์ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์โรมันได้เข้ามาปกครองปาริซีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา คริสตศาสนาเริ่มเข้ามาในปาริซีในช่วงค.ศ 200 และกองทัพของโรมันก็ถูกโจมตีและออกจากดินแดนแห่งนี้ในช่วงค.ศ 500 โดยผีมือชองชาวแฟรงค์ ในปีค.ศ 508 พระเจ้าแฟรงคิช โคลวิชที่ 1 ได้รวบรวมเซลติกเข้าไปเป็นอาณาจักรเดียวกันโดยตั้งให้กรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศโดยตั้งชื่อขึ้นตามปาริซีซึ่งเป็นชื่อเดิมของแถบนี้
ดูข้อมูลทั่วไปเพิ่มเติม »
ปารีสมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมากในช่วงยุคกลาง ช่วงศตวรรษที่ 12 ได้เริ่มการก่อสร้างมหาวิหารนอร์ท-ดามซึ่งต้องใช้เวลากว่า 200 ปีในการก่อสร้าง ขณะที่เลอ เมอเร่ย์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำแซนต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งรู้จักกันปัจจุบันในนามฝั่งขวาของแม่น้ำ ขณะที่เลอร์ ซอร์บอนน์เริ่มเปิดประตูต้อนรับผุ้มาเยือนในปี 1253 ด้านวิหารแซงต์ – ชาแปลอันงดงามก็ก่อสร้างสำเร็จในปี 1248 และประมาณปี 1200 ลูฟร์ก็ได้ถูกเปิดใช้ในฐานะป้อมปราการริมน้ำเป็นครั้งแรก
ในช่วงศตววษที่ 9 ชาวสแกนดิเนเวียได้เข้ามารุกรานฝรั่งเศสด้านตะวันตกอีกครั้ง ซึ่งความขัดแย้งนี้มีต่อเนื่องกว่า 3 ปีโดย ชาวสแกนดิเนเวียมุ่งหวังจะยึดเอาปารีสมาอยู่ภายใต้การปกครองของตน ด้วยเหตุดังกล่าวนั่นเองที่เป็นต้นกำเนิดทำให้เกิดสงครามร้อยปี ระหว่างชาวนอร์มัน อังกฤษ และราชวงศ์ของปารีส ในที่สุดผลก็ออกมาว่า ชาวฝรั่งเศสมีสิทธิ์เหนืออาแฌงคูร์ตในปี 1415 และอังกฤษเข้ามาปกครองปารีสในปี 1420 ในปี 1429 ญอง ดาร์ด หรือโจน ออฟ อาร์คหญิงสาววัย 17 ปีได้นำกองทัพฝรั่งเศสต่อสู้กับอังกฤษจนได้รับอิสรภาพและขับไล่กองทัพอังกฤษออกไปในปี 1453
ยุคเรเนสซองค์ได้ช่วยให้ปารีสกลับมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 เห็นได้จากอาคารและอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญถูกสร้างขึ้นมากมายในช่วงยุคนี้ ปารีสต้องเจอกับสงครามอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดยครั้งนี้เป็นสงครามศาสนาระหว่างกลุ่มอูเกอโนต์ซึ่งนับถือนิกายโปแตสแตนท์และผู้ที่นับถือคริสตศาสนานิกายคาธอลิก จุดที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี 1572 เมื่อมีการสังหารกลุ่มอูเกอโนต์กว่า 3000 คนในวันอภิเษกสมรสของประเจ้าเฮนรี่ที่ 4 โดยเรียกวันดังกล่าวภายหลังว่าโศกนาฎกรรม วันเซนต์ บาเตเลมิว

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สภาพภูมิอากาศของปารีส

สภาพภูมิอากาศของปารีส

สภาพภูมิอากาศของปารีส
สภาพภูมิอากาศของปารีส
เพลงเก่าๆ เคยกล่าวถึงสภาพอากาศในปารีสไว้ว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในปารีสคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ แม้ว่าบางครั้งจะเปียกไปหน่อยก็ตาม นครปารีสเต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลายในทุกฤดูกาล ในฤดูหนาวนั้นปารีสจะเต็มไปด้วยงานเทศกาลสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณี ขณะที่ฤดูร้อนอากาศในปารีสจะค่อนข้างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ในช่วงเดือนสิงหาคมชาวปารีสต่างมุ่งหน้าสู่ชายหาดทางตะวันตกและทางใต้ ซึ่งร้านอาหารต่างๆ อาจปิดในช่วงนั้นเพื่อเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดเช่นกัน หากแต่ปัจจุบันนี้คุณอาจจะพบเห็นร้านอาหารเปิดในฤดูร้อนมากกว่าเมื่อหลายสิบปีแล้ว ช่วงเวลาที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดได้แก่ช่วงเวลาการเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพ หรือ 14 กรกฎาคม และช่วงสิ้นปี หากคุณวางแผนการเดินทางในช่วงนั้นควรสำรองห้องพักล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว
ดูข้อมูลทั่วไปเพิ่มเติม »
อากาศในปารีสช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมจะค่อนข้างหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 12 – 15 องศาเซลเซียส ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมอากาศค่อนข้างอบอุ่น โดยอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 12 – 21 องศาเซลเซียส ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมอากาศค่อนข้างร้อนและชื้น อุณหภูมิในช่วงนี้จะสูงถึง 28 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิลดต่ำลงถึง 14 องศาเซลเซียส ช่วงกลางคืน อากาศในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคมนั้นหนาวมากและอาจมีหิมะตกในบางครั้ง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 6 – 16 องศาเซลเซียส

10 สถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนปารีส


     นับเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดเมืองหนึ่ง สำหรับกรุง "ปารีส" ที่หากใครได้ไปเยือนแล้วก็ต้องตกหลุมรักในบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกของเมือง ๆ นี้ จนอยากจะกลายเป็นคนเมืองนี้ขึ้นมาเลยทีเดียว ...     แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงปารีสส่วนใหญ่ต่างก็มีเวลาที่จำกัด ขณะที่เมือง ๆ นี้ มีสถานที่ที่น่าสนใจนับไม่ถ้วน จนทำให้การเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ในปารีสกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หากมีเวลาเที่ยวเพียงไม่กี่วัน แต่ไม่ว่าจะมีเวลาเที่ยวปารีสมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือการไปเยือน 10 สถานที่ต่อไปนี้ ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับความเป็น "ปารีส" อย่างแท้จริง

            1. การนั่งรถทัวร์ชมกรุง (Double Decker Bus Tour)

     การนั่งรถทัวร์ชมกรุงเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่มาปารีสเป็นครั้งแรก เพราะที่นี่จะมีรถทัวร์ที่เรียกกันว่า L'Open ทัวร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์ที่มีดาดฟ้าอยู่ข้างบน เพื่อให้คุณได้ชมเมืองปารีสอย่างไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย     นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋ววันเดียวหรือสองวันก็ได้ สำหรับการนั่งรถชมเมืองใน 4 เส้นทาง โดยทันทีที่คุณซื้อตั๋วแล้ว ทางรถทัวร์จะมีชุดหูฟังให้คุณ เพื่อใช้ในการเสียบต่อกับแจ็คที่อยู่บริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถฟังบรรยายไปตลอดการเดินทาง โดยเลือกฟังได้ถึง 8 ภาษา คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอิตาลี ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษารัวเซีย และภาษาจีน 

นั่งรถชมกรุง

     สำหรับเคล็ดลับในการนั่งรถทัวร์ชมกรุงปารีสนั้น แนะนำให้คุณลองใช้บริการในวันธรรมดาหรือเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์จะดีที่สุด เพราะหากใช้บริการในช่วงเวลาอื่นคนจะแน่นมาก และคุณอาจจะได้ยืนในห้องยืนที่จัดไว้รองรับเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ หากคุณใช้บริการช่วงคนน้อย คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแจ็กหูฟังของคุณได้ในกรณีที่ใช้หูฟังต่อกับแจ็กบางตัวไม่ได้อีกด้วย                        2. ชมทิวทัศน์จากด้านบนของหอไอเฟล (Eiffel Tower)     หอไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้ เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล
หอไอเฟล
หอไอเฟล

      และด้วยความที่หอไอเฟลมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก (โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน) แนะนำให้คุณไปเที่ยวชมช่วงเช้าหรือหลัง 6 โมงเย็น หรือในวันธรรมดา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอคิวเป็นเวลานาน